เสาเข็มบ้าน เป็นฐานรากที่สำคัญของบ้าน เรียกว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดเลยก็ว่าได้ หน้าที่คือ รองรับน้ำหนักจากโครงสร้างส่วนบนทั้งหมด ได้แก่ เสา คาน พื้น นอกจากนั้นยังมีหน้าที่ถ่ายเทน้ำหนักลงดินและป้องกันการทรุดตัวของบ้านหรืออาคารอีกด้วย เสาเข็มมีหลายประเภท สร้างบ้านใหม่ต้องใส่ใจเสาเข็ม เลือกประเภทให้ถูกเหมาะสมกับการใช้งาน หรือควรปรึกษาวิศวกรโครงสร้าง เพื่อให้ได้โครงสร้างที่เหมาะสมและแข็งแรง
เสาเข็มบ้าน คืออะไร
เสาเข็มบ้าน คือ โครงสร้างฐานรากถูกฝังใต้ดิน มีหน้าที่รับน้ำหนักทั้งหมดของบ้าน ถ่ายเทน้ำหนักลงสู่ชั้นดินที่แข็งแรงและป้องกันการทรุดตัวของบ้านในอนาคต เสาเข็มบ้าน Pile Foundation แบ่งออกเป็น 3 ประเภทหลักๆ ได้แก่ เสาเข็มเจาะ เสาเข็มตอกและเสาเข็มไมโครไพล์
ประเภทของเสาเข็ม
1.เสาเข็มเจาะ
เสาเข็มเจาะ มีกรรมวิธีที่ค่อนข้างซับซ้อน มีการเจาะดินลงไปจนถึงขนาดและความลึกที่กำหนด จากนั้นใส่เหล็กเสริม ตามด้วยการเทคอนกรีตลงไปหล่อจนกลายเป็นเสาเข็ม ข้อดีคือ ไม่เกิดแรงสั่นสะเทือนที่เป็นอันตรายต่ออาคารใกล้เคียง เหมาะกับอาคารสูงที่ต้องรับน้ำหนักมาก เสาเข็มเจาะแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่
- เสาเข็มเจาะขนาดเล็ก เส้นผ่าศูนย์กลาง 35-60 ซม. ลึกประมาณ 18-23 เมตร ใช้วิธีการเจาะแบบแห้ง
- เสาเข็มเจาะขนาดใหญ่ เส้นผ่าศูนย์กลางมากกว่า 60 ซม. ลึกประมาณ 25-65 เมตร ใช้วิธีการเจาะเปียก ใช้สารเคมีเบนโทไนท์ป้องกันไม่ให้ผนังหลุมพังทลาย
2.เสาเข็มตอก
เสาเข็มตอกหรือเรียกว่า เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง ได้รับความนิยมสำหรับบ้านพักทั่วไปและอาคารพาณิชย์ ทำจากปูนซีเมนต์ชนิดแข็งตัวเร็ว โครงสร้างลวดเหล็กอัดแรงกำลังสูง วิธีการลงเสาเข็มใช้การตอกกระแทกลงดินด้วยปั้นจั่น กรรมวิธีไม่ซับซ้อนเหมือนเสาเข็มเจาะ ง่ายกว่า มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า เสาเข็มตอกแบ่งได้ตามรูปร่าง ได้แก่
- เสาเข็มรูปตัว I
- เสาเข็มสี่เหลี่ยมตัน
- เสาเข็มหกเหลี่ยมหรือแปดเหลี่ยมชนิดกลวง
- เสาเข็มรูปตัว T
3.เสาเข็มไมโครไพล์
เสาเข็มไมโครไพล์หรือเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กขนาดเล็ก สามารถติดตั้งในพื้นที่แคบได้ ลดแรงสั่นสะเทือน ไม่กระทบต่อโครงสร้างเดิม ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว รับน้ำหนักได้ตั้งแต่ 10-55 ตัน/ต้น ขึ้นอยู่ที่ประเภทและขนาด เสาเข็มที่ใช้งานได้หลากหลาย เหมาะกับงานต่อเติม ปรับปรุงซ่อมแซมฐานรากที่มีปัญหาทรุดตัว หรือเสริมความแข็งแรงให้โครงสร้างต่างๆ
ปัญหาที่มักเกิดจากเสาเข็มบ้านผิดแบบ
- บ้านทรุดตัวหรือบ้านเอียง เนื่องจากปัญหาเสาเข็มบ้านไม่แข็งแรงพอ ไม่สามารถรับน้ำหนักของบ้านได้
- เกิดความเสียหายต่อโครงสร้าง เกิดรอยแตกร้าวบนเสาเข็มหรือโครงสร้างอื่นๆ ของอาคาร
- บ้านพัง ในกรณีที่เลือกเสาเข็มผิดประเภท อาจส่งผลที่ร้ายแรง อันตรายต่อชีวิตและทรัพย์สิน
- สิ้นเปลืองงบประมาณ อาจต้องแก้ปัญหาภายหลัง มีค่าใช้จ่ายสูงตามมา
วิธีตรวจสอบเสาเข็มเบื้องต้นก่อนสร้างบ้าน
- ตรวจสอบคุณภาพของเสาเข็ม ตรวจเสาเข็มเบื้องต้นว่าเสาเข็มมี ม.อ.ก. หรือไม่ สามารถร้องขอให้ผู้รับเหมานำเอกสารรับรอง ม.อ.ก. มาแสดง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเสาเข็มมีคุณภาพจริงๆ การคำนวณเข็มตอกควรมีวิศวกรที่เชี่ยวชาญที่มีใบอนุญาตเซ็นต์รับรอง
- ตรวจเช็กเงื่อนไขการตอกเข็ม การนับจำนวนครั้งในการตอกเสาเข็มหรือการนับ Blow count เราสามารถสอบถามกับวิศวกรผู้คุมงานได้ โดยปกติจะเริ่มนับเมื่อเสาเข็มเหลือระยะดอกประมาณ 3 เมตรหรือ 10 ฟุต
- ตรวจสอบขนาด พื้นที่หน้าตัด อายุของเสาเข็ม รวมถึงคุณภาพเสาเข็ม ควรตรวจสอบเสาเข็มทุกต้น เพื่อป้องกันปัญหาบ้านทรุดตัว
- หัวเข็มที่ใช้ ตรวจสอบว่าได้ฉากกับแนวแกนหรือไม่ ความเอียงเกินข้อกำหนดไหม ตรงจุดนี้สามารถสอบถามกับทีมวิศวกรควบคุมงานได้โดยตรง
ทำไมควรให้วิศวกรตรวจโครงสร้างตั้งแต่ต้น
เราจะรู้ได้ยังไงว่าฐานรากหรือเสาเข็มของเรามั่นคง แข็งแรง หรือผู้รับเหมาใช้เสาเข็มถูกประเภท การจ้างผู้รับเหมาที่ดี สำคัญมาก หรือควรให้วิศวกรผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบตั้งแต่ต้น สำหรับคนซื้อบ้านโครงการ บ้านจัดสรร แนะนำจ้างบริษัทตรวจบ้าน ช่วยสร้างความมั่นใจได้ ตรวจบ้านก่อนโอนกรรมสิทธิ์ เป็นเรื่องสำคัญห้ามละเลย บริษัทตรวจบ้านจะตรวจสอบตั้งแต่งานโครงสร้างไปจนถึงงานระบบต่างๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบประปา ระบบสุขาภิบาล ไปจนถึงตรวจสอบงานสถาปัตยกรรม งานภายใน ภายนอกทั้งหมด รายงานผลการตรวจสอบให้เจ้าของบ้านรับทราบ ตรวจเจอข้อบกพร่องเจ้าของบ้าน นำไปแจ้งทางโครงการให้แก้ไขได้ ไม่ต้องซ่อมแซมเอง ถือเป็นการปกป้องสิทธิ์ของตนเอง
เสาเข็ม ฐานรากที่สำคัญต่อโครงสร้างของบ้าน หน้าที่รับน้ำหนัก ถ่ายเทน้ำหนักและป้องกันการทรุดตัวของบ้าน เลือกเสาเข็มให้เหมาะสมกับบ้าน คือหัวใจที่สำคัญ ป้องกันปัญหาที่อาจตามมาในอนาคต สำหรับคนซื้อบ้านโครงการ เพื่อความมั่นใจ จ้างบริษัทตรวจบ้านไปตรวจงานโครงสร้าง งานระบบต่างๆ ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ ถือเป็นการรักษาสิทธิ์ในฐานะผู้ซื้อ เพื่อให้มั่นใจว่าได้บ้านตรงสเปค คุณภาพดี มั่นคง แข็งแรง อาศัยอยู่อย่างปลอดภัยในระยะยาว
FAQ เกี่ยวกับ เสาเข็มบ้าน ที่พบบ่อย
เสาเข็มคือโครงสร้างที่รับน้ำหนักหลักของบ้าน ทำหน้าที่ถ่ายน้ำหนักจากตัวอาคารลงสู่ชั้นดินที่แข็งแรงกว่า เพื่อป้องกันบ้านทรุดเอียง แตก หรือโครงสร้างเสียหายในอนาคต ถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สุดในการสร้างบ้านให้มั่นคงปลอดภัย
แบบที่นิยมประกอบด้วย:
- เสาเข็มคอนกรีตอัดแรง (Precast Pile) แข็งแรง ใช้กับบ้านทั่วไป
- เสาเข็มเจาะ (Bored Pile) ใช้กับพื้นที่แคบหรือใกล้บ้านเพื่อนบ้าน ไม่สั่นสะเทือน
- เสาเข็มไมโครไพล์ (Micro Pile) เหมาะกับงานต่อเติม ไม่ทำให้โครงสร้างเดิมเสียหาย
แต่ละแบบมีข้อดี–ข้อจำกัด ต้องเลือกให้เหมาะกับสภาพดินพื้นที่นั้น ๆ
วิธีเลือกที่ถูกต้องควรพิจารณา:
- สภาพดินในพื้นที่ เช่น ดินอ่อน–ดินแข็ง
- ขนาดและน้ำหนักบ้าน บ้าน 1 ชั้น vs 2 ชั้น
- พื้นที่ก่อสร้างแคบหรือไม่
- ความลึกของชั้นดินแข็ง (ชั้นดินดาน)
ควรให้ วิศวกรโครงสร้างประเมินก่อนเลือกประเภทเสาเข็ม เพื่อให้รองรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย
ขึ้นอยู่กับสภาพดินแต่ละพื้นที่ เช่น
- ดินกรุงเทพ–ปริมณฑล มักต้องลึก 18–23 เมตร
- ดินแข็งต่างจังหวัดอาจใช้ความลึกน้อยกว่า
ความลึกต้องถึงชั้นดินที่รับน้ำหนักได้ดี ไม่ใช่เพียง“กดลงไปได้ถึง” แต่ต้องให้วิศวกรคำนวณ กำลังรับน้ำหนัก (Bearing Capacity) ให้เหมาะกับตัวบ้านด้วย
ควรเลือกเสาเข็มที่มีคุณสมบัติ:
- ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางและความยาวเหมาะกับโครงสร้าง
- กำลังรับน้ำหนักตามมาตรฐานวิศวกรรม
- ตอกด้วยเครื่องตอกมาตรฐาน ตรวจแรงตอก (Blow Count)
- ผู้รับเหมามีใบรับรอง/รายงานผลการตอกเข็ม
ตัวเสาเข็มต้องเรียบ ไม่แตกร้าว ไม่มีรอยบิ่นผิดปกติ และต้องตอกจนถึงแรงตอกที่กำหนดเพื่อความแข็งแรงสูงสุด
