ซื้อคอนโดก่อนโอน ตรวจคอนโด กี่ครั้ง ตามมาตรฐานคือควรตรวจสอบอย่างน้อย 2-3 ครั้งเพื่อความแน่ใจ 17 เช็กลิสต์ จุดที่ต้องตรวจ มีอะไรบ้าง ห้ามพลาด คอนโดมิเนียม คืออาคารหรือตึกที่สร้างขึ้นมาเพื่อพักอาศัยเป็นห้องๆ โดยสามารถแบ่งถือกรรมสิทธิ์ออกเป็นส่วนๆ ได้ หลายคนซื้อคอนโดมาปรากฏว่าปัญหาต่างๆ ตามมาเพียบ ต้องเสียเงินซ่อมจุกจิก ไม่จบไม่สิ้น ก่อนโอนกรรมสิทธิ์ในฐานะผู้ซื้อ เราควรปกป้องสิทธิ์ของตัวเองด้วยการตรวจสอบจุดบกพร่องให้เรียบร้อยเพราะถ้าตรวจเจอ จะได้แจ้งให้ทางโครงการส่งช่างเข้ามาแก้ไขโดยเร็วที่สุด
อุปกรณ์ที่ควรมีในการการรับโอนกรรมสิทธิ์
- กระดาษโพสต์-อิท เอาไว้แปะจุดที่ต้องการแก้ไข
- สายชาร์จแบตฯ เอาไว้ทดสอบระบบไฟฟ้าหรือใช้ไขควงวัดไฟเพื่อความสะดวกรวดเร็ว
- ลูกแก้ว เอาไว้ตรวจสอบความลาดเอียงของพื้น
- เหรียญ เอาไว้เคาะพื้นกระเบื้อง
- ถังน้ำ ทดสอบความเอียงของพื้นในห้องน้ำ ดูองศาที่น้ำไหลลงท่อ
- กล้องถ่ายรูปหรือโทรศัพท์มือถือ เอาไว้ถ่ายภาพเก็บเป็นหลักฐาน
17 Checklist การตรวจคอนโด มีอะไรบ้าง มาดูกัน
1.ตรวจสอบประตู ลูกบิด บานพับ : ตรวจสอบความเรียบร้อย ทดสอบการเปิด-ปิด ประตู การล็อคกลอนประตูแน่นหนา ไม่มีเสียงผิดปกติ ไม่ฝืด ปิดสนิท บานพับ ลูกบิดใช้งานได้ตามปกติ
2.ตรวจสอบหน้าต่าง : ทดสอบการเปิด-ปิดหน้าต่าง กลอนล็อคหน้าต่างใช้งานได้ปกติ ปิดสนิท เปิดปิดไม่ฝืด ไม่มีเสียงดังรบกวน
3.พื้นห้อง : ตรวจสอบพื้นห้องของทุกห้อง ใช้ลูกแก้วเพื่อตรวจสอบความลาดเอียง ทดสอบความเรียบเนียนในการปูกระเบื้องด้วยการเดินย่ำไปทุกตารางเมตรของห้อง
4.บัวพื้น : ตรวจสอบความเรียบร้อยในการติดตั้ง ต้องสวยงามได้มาตรฐาน ไม่มีรอยเปิด หรือไม่มีรอยแยกของบัวพื้น ตรวจดูทั่วทุกจุด
5.รูตามขอบผนัง : ตรวจสอบตามมุมห้อง สังเกตหารูตามขอบผนังหรือรูร่องพื้น บางครั้งช่างอาจลืมยาแนว หรือมีรอยปริของไม้ ตรวจดูอย่างละเอียด
6.ผนังห้อง : ตรวจสอบผนังห้อง รอยร้าว รอยแตก หากพบให้แจ้งช่างมาแก้ไข จากนั้นตรวจสอบความเรียบร้อยอีกครั้งหลังแก้ไข ควรตรวจคอนโด กี่ครั้ง อย่างน้อย 2 ครั้ง เพื่อรีเช็กให้มั่นใจว่าไม่มีข้อบกพร่อง
7.กระเบื้องส่วนต่างๆ : ตรวจสอบกระเบื้องในส่วนของห้องนอน ห้องน้ำหรือห้องอื่นๆ ทั้งกระเบื้องปูพื้นและผนัง ใช้เหรียญเคาะแผ่นกระเบื้อง เพื่อตรวจสอบว่าไม่มีโพรงด้านใน
8.ระเบียงห้อง : ตรวจสอบความเรียบร้อยของระเบียงห้องจุดที่หลายคนละเลย เช็กราวกั้นแข็งแรง ทนทานหรือไม่ ระดับความสูงของราว ควรอยู่ระดับเอวขึ้นไป เพื่อความปลอดภัย ป้องกันอันตรายจากการพลัดตก
9.ห้องน้ำ : ตรวจสอบการติดตั้งสุขภัณฑ์ ได้มาตรฐานหรือไม่ ตรวจเช็กยี่ห้อ รุ่นของผลิตภัณฑ์ มีเครื่องหมาย มอก. ไหม ไม่มีการรั่วซึม รวมถึงตรวจเช็กความลาดเอียงของพื้นห้องน้ำ การระบายน้ำ องศาการไหลของน้ำ
10.สีภายใน : ตรวจสอบงานสีทาภายใน ตรวจดูความเรียบร้อย การเก็บงาน ไม่มีรอยด่าง รอยดำ ไม่หลุดลอก พื้นผิวเรียบเนียนสม่ำเสมอ
11.วอลเปเปอร์ : หากมีวอลเปเปอร์ให้ตรวจสอบการติดวอลเปเปอร์ผนัง เรียบร้อยหรือไม่ ไม่เป็นคลื่น ไม่หลุดลอก งานสวยสมูท ไม่มีจุดบกพร่อง
12.เพดาน : ตรวจสอบงานเพดาน ตรวจเช็กปัญหาพื้นห้องด้านบนกระทบต่อเพดานหรือไม่ เพดานต้องไม่เป็นคราบ ไม่มีรอยรั่วซึม
13.ระบบน้ำ : ทดสอบระบบน้ำด้วยการเปิดก๊อกน้ำทุกจุด รวมถึง สุขภัณฑ์ สายฉีด ฝักบัว ซิงค์ล้างจาน เพื่อดูการไหลของน้ำ แรงดันปกติไหม ไม่มีการรั่วซึม
14.ระบบไฟ : ตรวจสอบปลั๊กไฟ สวิทซ์ไฟ เต้ารับใช้งานได้ปกติไหม ลองนำสายชาร์จมาเสียบทั่วทุกจุด หรืออาจใช้ไขควงวัดไฟสะดวกมากกว่า
15.ระบบสายเคเบิ้ลทีวี : ไม่จำเป็นต้องแบกทีวีมาจากบ้านให้ยุ่งยาก เพราะบางโครงการได้เตรียมอุปกรณ์สำหรับทดสอบไว้ให้แล้ว
16.เครื่องใช้ไฟฟ้า : ตรวจสอบว่าเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทางโครงการแถมมานั้น สามารถใช้งานได้ปกติหรือไม่ ไม่ชำรุดเสียหาย รวมถึงเช็กเครื่องระบายอากาศในห้องน้ำ เครื่องระบายควันในครัว
17.เฟอร์นิเจอร์ : ตรวจสอบเฟอร์นิเจอร์ งานบิ้วอินท์ต่างๆ ติดตั้งสวยงาม เรียบร้อย ได้มาตรฐาน ไม่ชำรุด แตกหัก เสียหาย หากพบให้รีบแจ้งทางโครงการเพื่อซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ให้ทันที
ตรวจคอนโดก่อนรับโอน 17 เช็กลิสต์ ตรวจอะไรบ้าง อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมในการตรวจสอบมีอะไร ทั้งหมดนี้คือแนวทาง ที่เราเอามาฝาก เอาเป็นว่าถ้าอยากตรวจแบบละเอียด แนะนำจ้างบริษัทรับตรวจคอนโด ที่มีความชำนาญดีกว่า มีทีมงานวิศวกร พร้อมเครื่องมือทันสมัย ตรวจคอนโด กี่ครั้ง ตรวจสอบตามมาตรฐาน ขั้นต่ำ 2 ครั้ง เพื่อให้มั่นใจว่าจุดบกพร่องได้รับการแก้ไขแล้ว และไม่มีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นอีก